เมื่อฤดูกาลปลายฝนต้นหนาวมาถึง และมรสุมใหญ่ลูกสุดท้ายพัดผ่านไป ทะเลอันดามันในแถบชายฝั่งของจังหวัดกระบี่ก็ดูสวยจับใจและน่ากลับไปเยี่ยมเยือนขึ้นกว่าเดิมหลายเท่าตัว
เราแลนด์ดิ้งลงสนามบินนานาชาติประจำจังหวัดกระบี่โดยมีแบ็กกราวด์เป็นท้องฟ้าสีพาสเทลใส ๆ ภูเขาเขียวชอุ่มลูกโต และน้ำทะเลสีครามเป็นประกายให้เห็นอยู่สุดสายตา หลังจากแอบหลับเบา ๆ บนรถตู้วีไอพีที่เบาะนุ่มและแอร์เย็นสุด ๆ ซึ่งเป็นบริการพิเศษของทางโรงแรมที่สามารถรีเควสต์เพิ่มได้ล่วงหน้า ไม่น่าหลังจากนั้น เราก็เดินทางมาถึง ‘เดอะทับแขก’ (The Tubkaak Krabi Boutique Resort) พิกัดที่พักหรูระดับ 5 ดาวที่บอกเลยว่าในชีวิตนี้ควรได้มาเยือนสักครั้ง
ต้นไม้เขตร้อนชื้นที่ขึ้นหนาแน่น ถูกใช้เป็นเหมือนรั้วธรรมชาติของโรงแรม ปกคลุมทางเดินที่ทำเป็นระเบียงไม้ซึ่งทอดตัวยาวเข้าสู่ล็อบบี้โรงแรมที่ดีไซน์ไว้ในแบบฉบับโอเพ่นแอร์ อิงแอบกับธรรมชาติอันเป็นซิกเนเจอร์อีกอย่างของเดอะทับแขก ที่ตั้งใจเก็บต้นไม้ทุกต้นไว้ พร้อม ๆ กับการรักษาระบบนิเวศน์ให้หาดทับแขกเป็นหนึ่งในหาดที่อุดมสมบูรณ์และมีธรรมชาติสวยงามที่สุดแห่งหนึ่งในกระบี่
หลังจากเอ็นจอยกับท้องฟ้าโปร่ง ๆ กลิ่นไอทะเลที่ลอยมาต้อนรับ และเสียงนกร้องต้อนรับหนาหู เราเดินลัดเลาะเรียบทางเดินใต้ต้นไม้นานาพรรณที่ปกคลุมอยู่ทั่วทุกพื้นที่เพื่อสำรวจโซนต่าง ๆ ในเบื้องต้น และแวะทักทายกับทะเลอันดามันที่หาดส่วนตัวของโรงแรมสักครู่ ก่อนจะเปิดประตูเข้าไปกรีดร้องให้กับการตกแต่งที่ชวนให้อบอุ่นหัวใจของห้องพักแบบพูลวิลล่าหลังงามที่เหมือนเป็นไฮไลต์สำคัญที่ทำให้ ‘เดอะทับแขก’ ติดท็อปลิสต์โรงแรมในฝันของเราทันทีแบบไม่ต้องสงสัย
โทนสีน้ำตาลจากไม้เนื้อแข็ง ถูกนำมาใช้เป็นสีหลักเพื่อสร้างมู้ดแบบหรูหรา โฮมมี่ และความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันกับธรรมชาติในเวลาเดียวกัน เตียงนอนน่าทิ้งตัวถูกจัดวางไว้กึ่งกลางวิลล่าที่ขนาบข้างด้วยทางเดินทะลุไปห้องน้ำและห้องแต่งตัวที่สามารถเข้าได้จากทั้งสองฝั่ง ปลายเตียงสามารถเปิดม่านและประตูกระจกออกไปจเอกับสระว่ายน้ำส่วนตัวขนาดใหญ่ที่รายล้อมด้วยสวนสีเขียว รวมถึงโซนเอาท์ดอร์ที่มีทั้งเตียงผ้าใบให้เอนตัวอ่านหนังสือ และอ่างอาบน้ำกลางแจ้งขนาดใหญ่ที่พี่พนักงานแอบมาโรยกลีบกุหลาบไว้ให้จนเต็ม
ไม่แปลกใจเลยว่าทำไมที่นี่ถึงเป็นหนึ่งใน destination ระดับโลก ที่นักท่องเที่ยวทั่วทุกสารทิศต่างดั้นด้นมาเยือนสักครั้งในชีวิต
และถึงแม้ว่าห้องพักจะน่าฝังตัวอยู่ทั้งวันทั้งคืนแบบไม่อยากออกไปจากที่นี่ขนาดไหนก็ตาม แต่แรงดึงดูดของกิจกรรมพิเศษต่าง ๆ ที่ทางเดอะทับแขกเตรียมไว้ให้ ก็ดึงให้เราอยากรีบเปลี่ยนชุดสวย ๆ ออกมานั่งเอ็นจอยมื้อพิเศษก่อนอาหารค่ำไปกับเซตปิกนิก Private Picnic By The Beach (2,000 บาท) ริมชายหาดส่วนตัว ที่มาพร้อมเครื่องดื่มและขนม ซึ่งถูกจัดวางอยู่ใต้ซุ้มแสนโรแมนติกและเบาะ bean bag น่าทิ้งตัว ให้เราได้ดื่มด่ำโมเมนต์พระอาทิตย์ตกดินริมหาดไปกับคนรู้ใจแบบสองต่อสอง
สำหรับมื้ออาหารเย็นก็เป็นอีกหนึ่งความฟินที่เรารอคอยมาตั้งแต่กรุงเทพฯ เลยทีเดียว เพราะเราได้ยินข่าวมาว่า ตอนนี้ทางโรงแรมได้ดึงตัวเชฟ David Thompson เชฟสัญชาติออสเตรเลียนที่หลงรักในการทำอาหารไทยจนเคยคว้าดาวมิชลินมาแล้ว มาช่วยดูแลเมนูอาหารจานเด็ดของห้องอาหารไทยของที่นี่ โดยเชฟเดวิดจะเน้นไปที่การใช้วัตถุดิบอย่างผัก ผลไม้ อาหารทะเล ไปจนถึงน้ำพริกที่เป็นของท้องถิ่นแท้ ๆ ตรงกับหลักการและจริตของเดอะทับแขกที่อยากเก็บรักษาทั้งธรรมชาติและวัฒนธรรมดั้งเดิมของกระบี่ไว้ มื้ออาหารใต้ของที่นี่เลยให้ทั้งรสชาติแบบพื้นบ้านแท้ ๆ จากการคัดสรรวัตถุดิบจากต้นทาง แต่ก็มีกลิ่นไอแบบอินเตอร์เบา ๆ ด้วยเทคนิคการทำครัวขั้นสูงที่เชฟเดวิดถนัด
แอบกระซิบว่านอกจากเมนูหลัก ๆ ของเชฟเดวิด อาทิ ไข่พะโล้ยางมะตูม ใบเหมียงต้มกะทิ ข้าวผัดคะน้าปลาเค็ม ข้าวผัดเนื้อปู และผัดวุ้นเส้นสามเหม็น ที่มีให้สั่งตลอดแล้ว ใครที่มีแพลนว่าจะไปเยือนเดอะทับแขกในช่วงนี้ สามารถจองคอร์ส Chef’s Table โดยเชฟ David Thompson รวมถึงเชฟชื่อดังคนอื่น ๆ ที่จะแวะเวียนมารังสรรเมนูพิเศษจากวัตถุดิบท้องถิ่นที่จะตั้งโต๊ะเสิร์ฟเป็นพิเศษริมชายหาดทับแขกกันได้เลย แต่แอบกระซิบว่าต้องเช็คให้ดี ๆ และรีบจองกันสักหน่อย เพราะแต่ละคอร์สนั้นเต็มเร็วมากเวอร์!
นอกจากเซตปิกนิกริมหาดทับแขกอันแสนสงบ รวมถึงมื้ออาหารพิเศษจากเชฟระดับโลกอย่างที่เราได้เล่าให้ฟังไปแล้ว กิจกรรมที่เราสามารถทำได้ที่เดอะทับแขกก็ยังมีอีกมากมายก่ายกอง ทั้งการพายเรือคายัคและแพดเดิลบอร์ดที่ทางโรงแรมเขาจัดเต็มทั้งอุปกรณ์และสตาฟฝึกสอนไว้คอยให้การดูแลอย่างใกล้ชิดจนเล่นเพลินแทบลืมเวลา
รวมถึงไฮไลต์อีกอย่างที่เราเล็งมาตั้งแต่วันแรก นั่นคือการนั่งเรือหางยาวออกไปที่หมู่เกาะห้อง (ซึ่งสามารถมองเห็นได้จากฝั่งโรงแรม เพราะอยู่ไม่ไกลกันมาก) โดยเราสามารถเช่าเรือแบบเหมาเต็มวันหรือครึ่งวัน เพื่อไปชมวิวอลังการล้านแปดที่บลูลากูน หรือใครจะหิ้วตะกร้าไปกางเสื่อปิกนิกกันต่อที่เกาะเหลาลาดิงในวันแดดดีแบบเราก็ได้เช่นกัน
Soimilk Says: ทั้งหมดทั้งมวลนี้คือความโชคดีที่คนไทยอย่างเราจะได้ฟินและดื่มด่ำไปกับหาดทับแขกที่โอบล้อมด้วยทะเลอันดามันอันแสนเงียบสงบและโรแมนติกสุด ๆ ในช่วงหน้าหนาวที่ปลอดนักท่องเที่ยว ที่สำคัญคือไม่ว่าจะเป็นค่าที่พัก ค่ากิจกรรมสันทนาการ รวมถึงค่าอาหารมื้อพิเศษก็ลดราคาเบอร์แรงจนเราไม่อยากให้ใครพลาดโอกาสที่จะได้มาเก็บเกี่ยวโมเมนต์ในทริปแสนพิเศษที่ชีวิตนี้ไม่ควรพลาดด้วยประการทั้งปวง แอบบวกคะแนนให้กับการเป็นที่พักในระดับ Luxury Destination ที่มีเจ้าของเป็นคนไทยและดูแลเองในทุกดีเทล ความใส่ใจทั้งเรื่องของการดูแลธรรมชาติ ความพิถีพิถันในการบริการ และความสะอาดที่ไม่มีขาดตกบกพร่อง ใครที่กำลังแพลนว่าจะมาเที่ยวทะเลใต้ในช่วงนี้ เราเลยอยากให้แนะนำสุด ๆ ให้พุ่งตัวมาเลยที่ ‘เดอะทับแขก’ หรือจะแอบเช็คข้อมูลเพิ่มเติมและดูรูปห้องพักสวย ๆ ยั่วน้ำลายเล่น ๆ กันก่อนได้เลยที่ www.tubkaakresort.com
แล้วเจอกันที่กระบี่หน้าหนาวปีนี้นะ!